ไก่ที่มีอาการขาอ่อนตั้งแต่อายุสองสามเดือนมา อาการคือเดินๆอยู่ก็ล้มลงไปนอน บางทีกระดูกโผล่ขึ้นมาตามสันหลังก็มี สาเหตุที่ทำให้ไก่เกิดอาการขาอ่อนนั้นก็อาจจะเกิดจาก การที่เราให้เขากินอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป เพราะว่าในอาหารสำเร็จรูปอย่างเช่น อาหารหมูเหล่านี้จะมีโปรตีนที่สูง ไขมันก็สูง แต่แคลเซียมต่ำ เมื่อไก่กินอาหารพวกนี้เข้าไปเยอะๆเขาอาจจะโตไวจริง กล้ามเนื้อกระดูกโตจริงแต่เขาจะไม่แข็งแรง อะไรก็ตามที่มันไวมันเร็วเกินไปไม่เป็นไปตามธรรมชาติความแข็งแรงมันก็จะไม่มี ไก่เขาโตเร็วแต่ความแข็งแรงของกระดูกเขาจะไม่มี จะมีความแตกต่างกันกับไก่ที่ค่อยๆโตแบบตามธรรมชาติ ไก่ที่หากินตามธรรมชาติค่อยๆโตตามธรรมชาติได้เขี่ยดินได้กินหญ้า ได้เดินออกกำลังในที่กว้างๆไม่ได้ถูกขังไว้ในที่แคบๆกินอาหารเฉพาะที่เราเอามาให้ ไก่พวกนี้จะมีความแข็งแรงมาก ต่างกับไก่เราขังไว้ให้กินอาหารสำเร็จเป็นประจำจะตัวโตแต่ไม่แข็งแรงและจะเจอปัญหาขาอ่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป้นสาเหตุทำให้ไก่เกิดอาการขาอ่อนได้ เพราะเขาได้กินอาหารที่มีโปรตีนมากเกินไปแล้วพลังงานที่มีอยู่ก็ไม่ได้นำออกไปใช้ แล้วสะสมๆไว้กล้ามเนื้อมันก็ขยายแล้วขยายเร็วเกินไป บางทีกล้ามเนื้อไปแต่กระดูกยังไม่ได้ขยาย จึงทำให้เกิดโรคหรืออาการกระดูกขาอ่อน แล้วเมื่อไก่เราเป็นโรคขาอ่อนวิธีการรักษาคือ อย่างแรกก็ให้กินแคลเซียมเสริม ให้เขาได้กินอาหารที่มีวิตามิน เช่น ผักหรือผลไม้ และปล่อยให้เขาได้เดินในที่กว้างๆ ได้เขี่ยดินได้กินหญ้า ลดอหารสำเร็จรูปลงและเสริมพวกข้าวลงไป ซึ่งอาจจะช่วยให้ไก่เรานั้นมีอาการดีขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเขาโตขึ้นมาเป็นหนุ่มส่วนมากแล้วนั้นจะใช้งานไม่ค่อยได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกขาอ่อนแล้วแต่กล้ามเนื้อขาหรือกระดูกของเขามันไม่สามารถพัฒนาขึ้นให้แข็งแรงได้ เหมือนกับไก่หนุ่มตัวอื่นๆที่แข็งแรงมาตั้งแต่เล็ก เพราะความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อของเขานั้นมันต่างกัน เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะประสบปัญหานี้กัน เช่น บางท่านไปซื้อลูกไก่สายดังราคาสูงๆมาก็นำมาเลี้ยงอย่างดีแล้วลูกไก่เป็นโรคขาอ่อน เพราะว่าเราเลี้ยงเขาดีเกินไป ให้กินอาหารดีเกินไป อยู่ในกรงดีๆ กินแล้วก็นอนอย่างเดียวไก่ก็จะเป็นขาอ่อนพอโตขึ้นมาก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งถ้าเจอไก่ที่เป็นขาอ่อนก็ควรที่จะคัดทิ้ง ไม่ใช่ว่าเป็นการไม่ให้โอกาสมัน แต่บางทีเราไปดูแลบำรุงมันมากเกินไปมันก็จะทำให้เราเสียเวลาเปล่าเพราะในที่สุดก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี เราต้องตัดใจทิ้งมันไป
Category Archives: คนรักไก่ชน
ไก่ที่เรานำเข้ามาในซุ้มเราใหม่ๆไม่ว่าจะจะเป็นการไปซื้อด้วยตนเองหรือสั่งเป็นไก่กล่องเข้ามา ที่มาจากต่างจังหวัดที่มีระยะทางที่ไกลเมื่อไก่มาถึงที่ฟาร์มที่ซุ้มของเรา ไม่ควรที่จะนำเขามาลองซ้อมลองปล้ำเลย จะต้องให้ไก่ได้พักก่อนประมาณ 10 – 15 วัน หรืออย่างน้อยๆก็ควรจะให้เขาพักสักหนึ่งสัปดาห์ เพราะไก่ที่เดินทางมาไกลๆนั้นเขาจะมีความเครียดด้วยต้องอยู่ในกล่องที่แคบๆ อยู่ในที่มืดๆ อากาศก็ถ่ายเทไม่สะดวกมีความอึดอัด ยืนเซซ้ายเซขวามามีความเมื่อยล้าแล้วพอมาถึงก็เป็นสถานที่แปลกตาไม่คุ้นเคยเกิดความกังวลอีก เมื่อไก่มาถึงเราต้องใจเย็นอย่าพึ่งอยากที่จะเห็นลีลาของเขาอย่าพึ่งนำเขาไปเตะ ถ้าหากว่าเราใจร้อนรีบนำเขาไปเตะเลยเมื่อมาถึงเขาอาจจะเกิดอาการเจ็บป่วยได้ บางทีป่วยอาจจะป่วยหนักไปเลย หรือเขาอาจจะผิดฟอร์มไปเลย ก็มีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันทุกตัวเสมอไป บางตัวสุขภาพแข็งแรงมาถึงตอนเย็นเมื่อวานเช้านี้ลองเตะดูก็ไม่เป็นไรก็มี แต่ส่วนมากนั้นถ้าไก่ไม่ได้พักหลังจากเครียดจากการเดินทางมาจะเจ็บป่วย เช่น เกิดกระเพาะไม่ย่อย ถ่ายไม่ออกเป็นขี้ต๊อก แบบนี้จะเจอกันบ่อยดังนั้นเราควรที่จะพักเขา ในการพักนั้นก็ให้พักกันจริงไม่ต้องทำอะไรเขาเลย ไม่ต้องเช็ดน้ำ ไม่ต้องออกกำลังกาย ให้ดูแค่ว่าเขากินข้าวดีไหม ระบบการย่อยดีรึเปล่าดูกันวันต่อวัน และดูทุกวันเป็น 10 – 15 วันเลย เมื่อเราดูทุกวันว่าเขาปกติทุกวันอยากจะลองเตะก็เตะได้ เพราะเราดูแล้วว่าเขาสามารถปรับตัวได้แล้ว บางท่านอาจจะบอกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องพักเคยซื้อมาแล้วนำมาเตะเลยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ซึ่งก็ต้องบอกว่านั่นมันถือเป็นความโชคดีของทุกท่าน แต่ถ้าหากว่าได้ไก่มาแล้วนำมาเตะเลย แล้วไก่เกิดการเจ็บป่วยเราก็อย่าไปโทษว่าทางฟาร์มส่งไก่อะไรมาให้ ทำไมนำมาเตะแล้วป่วยง่าย ผิดฟอร์ม หรืออะไรต่างๆ เราต้องโทษตัวเองที่ใจร้อนด้วย ยิ่งเขาเดินทางมาไกลเท่าไหร่ก็ต้องให้เขาได้พักเยอะๆ อยากให้ใจเย็นๆรอจนกว่าร่างกายและจิตใจของเขาจะพร้อม ให้เขาได้ปรับตัวให้คุ้นชินกับสถานที่ใหม่ก่อน […]
สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้ามาในวงการเลี้ยงไก่ก็คงจะยังไม่มีความเชี่ยงชาญมากในเรื่องของการกราดน้ำไก่ หรือเช็ดน้ำไก่ ทำให้เวลาเช็ดน้ำไก่ทีพื้นที่โดยรอบนั้นเปียกไปหมด รวมไปถึงคนเปียกกว่าไก่ด้วย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่อใหญ่สำหรับมือใหม่ทั้งหลาย มาดูสาเหตุกันว่าเกิดจากอะไรและสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง 1.คนกับไก่ยังไม่สัมพันธ์กัน คือ เวลาเรานั่งเก้าอี้ที่เรานั่งจะต้องพอดี เมื่อเราจับไก่เข้าหว่างขาระหว่างเช็ดขาไก่จะต้องไม่ลอยเขาต้องยืนแบบสบายด้วยสองเท้า ให้อกของเขาพอดีหนุนกับต้นขาเรา และให้เรานั่งได้สบายและถนัดด้วย 2.ไก่เช็ดน้ำยาก คือ ทำให้ขนเปียกยาก วิธีแก้คือให้เราผสมแชมพูสระผมนิดหน่อยของคนลงไปในน้ำที่ใช้เช็ดด้วย มันจะช่วยให้ขนไก่ซึมซับน้ำได้ดีขึ้นอีกทั้งเป็นการไล่พวกไรต่างๆตามขนเขาออกได้ด้วย ให้ขนมีความเงางาม แต่ที่สำคัญห้ามให้ขนปีกเขาเปียกเพื่อไม่ให้ขนปีกแตกซึ่งป้องกันได้โดยนำถุงพลาสติกขนาดพอดีปีกมาครอบไว้ 3.ไก่มีความเปรียว คือ ไก่ที่เราจำมาใหม่ๆยังไม่มีความคุ้นชินกับเรา ยังมีความตื่นกลัวอยู่ คนก็เป็นมือใหม่ยังไม่ถนัดไก่ก็เปรียวจึงทำให้การเช็ดน้ำเป็นไปอย่างทุลักทุเล เลอะเทอะกันไปหมด วิธีแก้ก็ให้เราจับเขามาเล่นบ่อยๆนำมาเช็ดน้ำเบาๆตามหน้าตามตัว เพื่อให้เขาคุ้นกับมือเราและไม่คิดว่าเราเป็นภัยกับเขา เพราะสัญชาตญาณของไก่เขาก็ต้องกลัวอยู่แล้ว 4.ผ้าเช็ดน้ำไก่ คือ บางคนยังพันผ้าเช็ดน้ำไม่เป็น ผ้าเช็ดน้ำไก่ผืนไม่ต้องใหญ่มากก็แต่แล้วแต่คนถนัด บางคนจับผ้าขยุ้มแล้วจุ่มน้ำเลยทำให้น้ำที่อยู่ตามชายผ้ากระเด็นโดนตัวคนเช็ดเปียกก่อน ผ้าที่เช็ดไก่เราต้องพันเป็นก้อนเรียวให้จับถนัดเก็บปลายให้หมดให้แน่นเพื่อไม่ให้หลุดระหว่างที่เช็ดอยู่ ในการจุ่มผ้าในน้ำไม่จำเป็นต้องจุ่มลงไปทั้งผืนก็ได้ให้จุ่มเพียงปลายผ้าฝั่งเดียวก็ได้ จะได้ไม่เปียกโชกเกินไป หรือถ้าใครที่ไม่ว่าจะทำยังไงวิธีไหนก็เปียกอยู่ดีก็แนะนำว่าให้ใส่ชุดกราดน้ำไก่ไปเลยดีกว่า เป็นการป้องกันร่ายกายของเราด้วย ก็มีหลายค่ายหลายยี่ห้อที่เขาทำขายกันสามารถหาซื้อตามอินเตอร์เน็ตได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆทำอย่างไรก็เปียกก็หาชุดมาใส่ป้องกันไปเลย
การเลี้ยงไก่ของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนบอกว่าขอแค่ให้สายเลือดดี เหล่ากอดี โตมาก็จะเก่งหมด ดีหมด ใช้ได้หมด แต่ความจริงแล้วการที่มีสายเลือดดีเหล่ากอดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ที่สำคัญตามมาก็คือวิธีการเลี้ยงของแต่ละคน สมมติว่ามีคนสองคนซื้อไก่มาจากฟาร์มดังที่เดียวกัน คอกเดียวกัน คู่หนึ่งอาจจะราคาค่อนข้างสูงเป็นสายเลือดดัง คนที่หนึ่งซื้อมาแล้วเลี้ยงแบบอิงธรรมชาติ อาหารช่วงแรกก็ให้ตามเกณฑ์อายุเป็นอาหารไก่เล็กผสมกับอาหารไก่รุ่นแล้วก็ค่อยๆเพิ่มข้าวสารเข้าไป และเสริมด้วยผักหรือหญ้า และพอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มปล่อยเข้าฝูงในสนามหญ้า ในเล้าใหญ่คอกรวมเขาก็จะอยู่ตามธรรมชาติ อาหารก็มีการปรับเปลี่ยนลดปริมาณอาหารเม็ดลง เพื่มปริมาณข้าวเปลือกมากขึ้นตามอายุ เขาก็จะได้เขี่ยดินกินหญ้ากินน้ำค้างตอนเช้า ตกค่ำมาก็ได้นอนคอนตามธรรมชาติโดนอากาศที่เปลี่ยนตามธรรมชาติโดนยุงกัดเขาก็จะมีภูมิต้านทาน มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เขาก็จะโตขึ้นมาแข็งแรงแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อก็จะเป็นกล้ามเนื้อมัดที่มีคุณภาพไม่ใช่กล้ามเนื้อที่มีโปรตีนสูง หรือไขมันในตัวสูงเกินไปทำให้เกิดอกแข็ง ส่วนคนที่สองนำไก่มาเลี้ยงในที่แคบๆหรือเลี้ยงครอบสุ่มตั้งแต่เล็กจนโต อาหารก็ให้อาหารเม็ดเป็นส่วนมากหรืออาจจะเป็นอาหารหมูทำให้ไก่อ้วนท้วนสมบูรณ์แต่เป็นการอ้วนจากหัวอาหาร โปรตีนสูงไขมันสูงทำให้อกเขาแดงแต่เนื้อย้วยเหมือนไก่พันธุ์เนื้อ การเลี้ยงแบบนี้ถ้านำไปชั่งกิโลขายหรือเอาไปทำอหารจะดีมาก เพราะเนื้อจะเยอะโปรตีนเยอะไขมันแทรก แต่มันจะมีผลเสียเมื่อนำมาใช้งานในสนามส่วนมากจะใช้แทบไม่ได้เลย ฉะนั้นการเลี้ยงดูแบบธรรมชาติปล่อยให้เขาได้อยู่แบบธรรมชาติ ไม่ได้โตโดยการให้อาหารอย่างเดียวและเลี้ยงในพื้นที่จำกัดจะดีกว่า ถึงแม้ว่าไก่นั้นจะเป็นเหล่ากอเดียวกัน เป็นลูกในคอกเดียวกันก็ตามแต่ถ้าเลี้ยงมาแบบผิดวิธีผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นพี่น้องทุกท่านที่อยากจะเลี้ยงเพาะพัฒนาไก่ชนกัน ซื้อลูกเพาะสายพันธุ์ดังๆมาต้องเลี้ยงกันให้ถูกวิธี ถ้าเราเลี้ยงไม่ถูกวิธีแน่นอนว่าผลเสียมันมีตามมาอย่างแน่นอน ในการครอบสุ่มก็ควรที่จะเริ่มครอบเขาตอนหกเดือนขึ้นไป ถ้าใครมีพื้นที่น้อยมีพื้นที่ที่จำกัดก็พยายามลดเรื่องของอาหาร ให้ข้าวเปลือกเป็นอาหารส่วนมาก และสิ่งที่สำคัญคือหญ้าถ้าเราไม่มีพื้นที่หญ้าให้เขาเดินก็ให้สับหญ้าให้เขากิน เป็นการเสริมวิตามินให้กับเขาช่วยให้ระบบขับถ่ายของเขาดีขึ้นด้วย
เดือยไก่ชนนั้นมีอยู่หลายลักษณะส่วนมากแล้วเดือยไก่นั้นจะตรง แล้วถ้าหากว่าเดือยไก่ของเรานั้นมีรูปร่างที่ผิดรูป ผิดทรง การใช้งานมันใช้ไม่ได้เราก็ต้องทำการตัดแต่ง แล้วเราจะตัดแต่งอย่างไรให้เดือยไก่ของเรานั้นสามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม เรามาเรียนรู้กัน เดือยไก่ชนที่ยาวและโค้งงอส่วนมากจะเป็นกับไก่ถ่ายไม่เจอในไก่หนุ่ม บางคนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรก็ตัดให้มันสั้นเพื่อว่ามันจะงอกออกมาใหม่และตรง แต่ที่จริงแล้วถ้าองศามันไปยังไงตัดทิ้งแล้วงอกมาใหม่ก็จะยังคงงอเหมือนเดิม ในการแก้ไขให้เดือยที่งอนั้นนำกลับไปใช้งานได้คือให้ตัดปลายเดือยออก ให้เหลือส่วนเดือยที่ตรงจะสั้นหรือยาวไม่สำคัญ ถ้าไก่มันตรงมันใช้เดือยอยู่แล้ว ให้ตัดตรงจุดที่โค้งทำมุม 45 องศา เป็นปากฉลาม ในการตัดให้ใช้เลื่อยฉลุหรือเลื่อยตัดเหล็กใบเล็กเพื่อไม่ให้สะเทือนถึงโคนเดือย โดยเดือยไก่ที่ผิดรูปที่เราต้องแก้ไขตัดแต่งให้กลับมาใช้ได้มีอยู่ 4 แบบ คือ เดือยไก่ที่มีปลายเดือยโค้งขึ้นด้านบน บางตัวโค้งงอเข้ามาจนติดแข้ง การตัดปลายเดือยที่โค้งงอขึ้นให้เราตัดเดือยจุดที่โค้ง และให้ตัดเป็นปากฉลามปลายเฉียง 45 องศาแผลอยู่ด้านบนให้เดือยตรง และเหลาให้ปลายเดือยแหลม เดือยไก่ที่มีปลายงองุ้มลงด้านล่าง ก็จะคล้ายกับแบบที่หนึ่ง คือ ให้ตัดตรงจุดที่โค้งรูปปากฉลามเฉียง 45 องศาเหมือนกันให้แผลอยู่ด้านล่างและเหลาปลายให้แหลใช้งานได้ เดือยไก่ที่งอไปด้านหลัง ปลายเดือยงอไปทางนิ้วก้อย ก็ให้เราตัดปากฉลามเหมือนเดิมตัดตรงส่วนที่โค้งเอาปลายที่งอออกให้เดือยมันตรง แผลก็จะอยู่ด้านใน และเหลาปลายบนล่างเราก็จะได้เดือยที่มีลักษณะเหมือนเดิม เดือยไก่ที่โค้งออกมาด้านหน้า เหมือนเดิมก็ให้เราตัดส่วนปลายออกตัดในจุดที่โค้งให้เหลือส่วนที่ตรง ทำปากฉลามมุม 45 องศา แผลก็จะอยู่ด้านหน้า เหลาปลายให้ใช้งานได้ สรุปคือไม่ว่าเดือยไก่ชนของเราจะโค้งไปในทิศทางใดก็ให้เราตัดส่วนที่โค้งงอนั้นออก จุดที่ตัดก็จะเป็นตรงจุดที่โค้งให้เหลือแค่ส่วนที่ตรง และการตัดก็ให้ตัดทำมุมประมาณ […]
ไก่ชนเป็นฝีดาษบางท่านรักษาไม่เป็น บางท่านไม่รู้ว่าไก่เป็นอะไร ไก่เป็นฝีดาษสามารถติดต่อกันได้จากไก่สู่ไก่ แต่ไม่ได้ติดจากไก่สู่คน ไม่ว่าจะจากการกินน้ำด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน หรือจากการใช้ผ้าผืนเดียวกัน อาการของไก่เป็นฝีดาษเริ่มต้นก็จะตัวร้อนมากมีไข้ และมีตุ่มขึ้นให้เห็นตามหน้าตามคอ บางตัวเป็นหนักหน้าเห่อฟูเลยก็มีแล้วเข้าไปในลิ้นในปาก การรักษาก็ต้องรักษาให้ถูกวิธีมันถึงจะหายขาด ในช่วงหน้าร้อนหน้าฝนไก่จะเป็นฝีดาษกันเยอะ ถ้าไก่เป็นฝีดาษแนะนำให้ใช้ซูปเปอร์เอ-100 ฉีดวันละ 1 ซีซี เข้าที่กล้ามอกติดต่อกันสองวันก็พอ แล้วตามด้วยยาทีซีมัยซิน 1 เม็ด หลังจากนั้นถ้าเป็นตุ่มใสๆก็ใช้เข็มหรือไม้จิ้มฟันที่สะอาดสะกิดเปิดปากแผล แล้วใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนจ่มสำลีทาให้ทั่ว อย่าใช้ยาเบตาดีนที่ทาแผลสดเพราะเป็นแผลมีหนองติดเชื้อ ถ้าหากว่าเราเห็นเริ่มมีตุ่มขึ้นเล็กน้อยตามใบหน้าก็ให้รีบฉีดเลย วันรุ่งขึ้นตุ่มแทบจะหายไปเลยแต่อย่าพึ่งชะล่าใจให้ฉีดซ้ำอีกหนึ่งครั้ง และยากินต้องกินต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 วัน แล้วตุ่มนั้นมันจะแห้งหายไปหมดเลย ไม่ต้องไปแกะหรือสะกิดตุ่มอีกแต่ทายาทุกวันจนกว่าแผลจะแห้ง แต่ถ้าไก่เป็นเยอะก็ให้ฉีดสัก 3 วันและกินยาต่อเนื่อง 3 – 4 วัน ทายาทุกวันจนกว่าแผลจะแห้งเช่นกัน ถ้าไก่ของเรามีตัวใดเป็นฝีดาษในการเลี้ยงให้ทำตัวอื่นๆให้เสร็จทุกอย่างก่อน แล้วค่อยมาจัดการตัวที่เป็นฝีดาษทีหลังสุด เพราะถ้าเราจับตัวที่เป็นฝีดาษก่อนเชื้อโรคนั้นจะติดตามมือเราแล้วไปแพร่ในตัวอื่นๆได้ด้วย ให้แยกตัวที่เป็นออกไปไกลๆฝูงแล้วเริ่มรักษาจากตัวที่มีอาการน้อยไปหาตัวที่มีอาการมาก แล้วถ้าเราสงสัยว่าไก่ทุกตัวน่าจะติดหมดเพราะมีปัจจัยหลายๆอย่างที่อาจจะทำให้ติด เช่นใช้ผ้า ขนไก่อันเดียวกัน กินข้าวกินน้ำร่วมกัน หรือเราไปจับตัวที่เป็นก่อนแล้วมาจับตัวอื่นที่ยังไม่เป็น […]
คนเลี้ยงไก่ใครๆก็อยากที่จะได้ไก่ที่เก่งกันทั้งนั้น อย่างเช่นไก่พม่าบางตัวบางคนก็ไม่เข้าใจเล่น บางคนก็จะให้เล่นแบบมีทุกอย่างคือ มีไอคิวร้อย มีวิ่งชิ่งเตะขยันแม่นถี่ หัวจิตหัวใจดี ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่ไก่ตัวเดียวจะมีครบทุกอย่าง ถ้ามีไอคิวความแม่นจะไม่เต็มร้อย ไม่มีไก่ตัวไหนที่วิ่งไปโยกไปเตะไปแล้วมันจะเตะเข้าทุกที นอกจากคู่ต่อสู่จะโง่เชื่องๆช้าๆเดินมาให้เตะมันถึงจะเตะได้มากขึ้น ส่วนไก่ที่แม่นร้อยจะเป็นไก่โง่ๆมึนๆไก่ที่ปากไวยืนตีเปอร์เซ็นต์ที่จะตีถูกมีเยอะ ในการที่เราจะมองหาไก่ให้เรามองหากันที่ ไก่แม่น ไก่มีความขยัน แม่นตีให้ถูก ถูกทุกทียิ่งดี ขยันบ้าตี แล้วเลือกสายเลือดที่รักเดิมพัน ส่วนเรื่องลีลาชั้นเชิงมันเป็นองค์ประกอบ ไก่ตีกันเขาไม่ได้ให้คะแนนเหมือนมวย มวยลีลาดีฝีมือดีเตะต่อยดีได้คะแนน แต่ไก่ดูกันที่บทสรุปใครแข้งดีกว่ากัน ใครที่จะเลี้ยงไก่ออกชนเพื่อใช้ชนได้จริงให้เน้นที่แข้งดี ถึงแม้จะออกอาวุธช้ากว่าเขาหน่อย บางตัวโง่ๆแต่แม่นยังไม่มีโอกาสได้ตี อีกตัวปล่อยลงไปแล้วโยกซ้ายโยกขวาแต่เตะผิดเตะถูกก็ปล่อยให้เขาเตะไป เราอย่าพึ่งสรุปในสามนาทีห้านาที ให้รอดูสรุปปลายยกช่วงที่เขาหมดแรงให้แม่นอาวุธดีเอาไปกิน ไก่ที่ดูโง่ๆแข็งๆแต่พอช่วงสุดท้ายถ้าคู่ต่อสู้แข็งแรงไม่พอ แม่นไม่พอรับรองว่าเสร็จทุกราย เพราะไก่แข้งบางทีลงไปเขายังจับจังหวะไม่ถูก แต่ให้รอดูปลายอันถ้าเจ็ดนาทีไปแล้วตัวแห้งแล้วยังไม่มีอาวุธคู่ต่อสู้เลยไม่สามารถเก็บคู่ต่อสู้ได้ แบบนี้ไม่ต้องเล่น แต่ถ้าไก่ที่ลีลาไม่ดีแต่เราเคยเห็นฝีมือเขามาก่อนพอถึงปลายอันตีไม่กี่แข้งก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ ฝากไว้กับมือใหม่เลือกไก่ไม่จำเป็นต้องไปเลือกที่ลีลาสวยหรู แต่ถ้าเรามองไก่สไตล์แบบนี้อย่างเดียวเพื่อเป็นเชิงพาณิชย์ ก็อย่าลืมหาตัวเมียที่เป็นสายแม่นร้อยใส่เข้าไปด้วย อย่าเล่นแค่ไก่ลีลาหลุดลอดแบบนี้ลูกค้าหายหมดจะเสียเวลาเปล่า เพราะลูกค้าเขาก็ต้องการที่จะนำไปพัฒนาต่อถ้าเขาเล่นไม่ได้ก็จะทำให้เสียเวลา เขาก็จะไม่สนใจที่จะกลับมาหาเรา เพราะไก่ที่ชนะไม่ได้ดูกันที่ลีลาอย่างเดียว ใครที่แข้งดีบ้าตีขยันตัวนั้นคือผู้ชนะ
ในการเพาะลูกไก่ของแต่ละท่านนั้นอาจจะทำไม่เหมือนกัน บางท่านอาจจะให้แม่ไก่ฟักเองเลี้ยงดูแลเองตามธรรมชาติ บางท่านก็ใช้ตู้ฟักและนำไปใส่ตู้อนุบาล บางท่านก็อาจจะให้แม่ไก่ฟักแล้วพอฟักออกมาก็นำไปใส่ตู้อบ เพราะลูกไก่นั้นเขาจะฟักออกมาไม่พร้อมกัน ซึ่งถ้าปล่อยไว้กว่าจะฟักหมดทุกฟองตัวที่ฟักมาก่อนอาจจะโดนแม่เหยียบตายไปก่อนก็ได้ ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่น่าใช้เพื่อป้องการสูญเสียลูกไก่ได้ โดยไฟที่ใช้ในการให้ความอบอุ่นกับลูกไก่นั้นควรอยู่ที่ประมาณ 60 วัตต์ หรือใช้กำลังไฟให้พอดีกับขนาดของกรงเพื่อให้เขาได้รับความอบอุ่นที่พอดี ไม่ร้อนมากเกินไปจะทำให้ส่งผลต่อร่างกายของเขาได้ ในการสังเกตว่าความร้อนในกรงนั้นพอดีหรือไม่ให้ดูเวลาที่ลูกไก่นอน หากว่าลูกไก่นอนกระจุกตัวกันใต้หลอดไฟแบบนี้แสดงว่าความร้อนนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าลูกไก่นอนกระจัดกระจายกันและยังมีอาการหอบด้วย แบบนี้แสดงว่าความร้อนนั้นเยอะเกินไป ถ้าความร้อนที่พอดีลูกไก่เขาก็จะนอนแบบสบายไม่เกาะกลุ่มกัน ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ และหลายๆท่านก็อาจจะสงสัยกันว่าแล้วถ้าเรานำลูกไก่มาอนุบาลเองแแบนี้ แล้วเขาจะกินน้ำกินอาหารเป็นไหมเพราะไม่มีแม่ของเขามาทำเป็นตัวอย่างให้เห็น โดยธรรมชาติของไก่นั้นเขาเป็นสัตว์ที่จิกนู่นนี้อยู่แล้วเขาไม่จำเป็นต้องมีแม่ดูแลก็ได้ ซึ่งในระหว่างที่ให้ความอบอุ่นเขาในกรงก็ให้เรานำถาดหรือภาชนะที่ต่ำกว่าตัวลูกไก่ ใส่อาหารวางไว้ให้เขาได้เลย สันชาตญาณของเขาเขาจะจิกกินเอง จะจิกกินอาหารเป็นก่อนที่จะกินน้ำเป็น อาหารก็ให้เป็นอาหารสำหรับไก่แรกเกิดที่เป็นเม็ดเล็กๆเกือบเป็นผง และก็มีที่ใส่น้ำที่ต่ำกว่าตัวไก่วางไว้ให้เขาด้วย และน้ำที่ให้เขานั้นก็ควรที่จะผสมยาพวก ไบโอ 12 ด้วยละลายแบบจางๆเพื่อเป็นยาบำรุงป้องกันหวัด และยาละลายตัวนี้ก็สามารถละลายให้เขากินตอนหลังจากที่ทำวัคซีนและช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนได้ด้วย สำหรับการให้อาหารของลูกไก่ก็ให้เราเติมอาหารให้เขาทั้งวันเลย ไม่ต้องให้เป็นเวลาเหมือนไก่โตเพราะช่วงนี้เขายังต้องการสารอาหารที่เยอะเพื่อนำไปเลี้ยงร่างกายของเขา ให้เขาสามารถจิกกินได้ตลอดเวลาที่เขาหิว ให้เขากินอาหารละเอียดหรือเม็ดเล็กจนอายุสองเดือน ครบสองเดือนแล้วก็ให้เริ่มผสมสูตรอื่นที่มีเม็ดที่ใหญ่ขึ้น
มือใหม่หลายๆท่านคงมีความสงสัยกันว่าไก่เราแพ้มาสามารถนำมาทำพ่อไก่ได้ไหม เพราะไก่นั้นมีแข้งดี เป็นไก่ที่เก่งตัวหนึ่งแต่ไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ก่อนอื่นเราต้องมาดูก่อนว่าไก่เขาแพ้มาแบบไหน ไก่แพ้ไก่นั้นเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เปรียบแล้วเสียเปรียบ เปรียบแล้วหลุดคู่ต่อสู่ถึงแม้ว่าจะแข้งดีเหมือนกันมีความเก่งพอๆกัน แต่ถ้าตัวเล็กกว่ายังไงก็แพ้ตัวใหญ่ หรือว่าเปรียบแล้วไม่ได้ทางตีที่เราชอบ ทำให้หาช่องตีลำบากแล้วยังไปเข้าทางเขาอีก แบบนี้โอกาสที่จะแพ้ก็มีสูง หรืออาจจะอีกหลายๆสาเหตุ ซึ่งในการจะดูว่าควรนำไปทำพ่อพันธุ์ได้ไหมเราก็ต้องมาดูกันก่อนว่าเขาแพ้มาแบบไหน ถ้าไก่เขาแพ้มาแบบว่าเขาสู้สุดความสามารถแล้ว สู้มาแบบหลังชนฝาแล้ว สู้จนถึงที่สุดแต่สู้ไม่ได้ ในการแพ้แบบนี้เราสามารถนำเขามาทำพ่อพันธุ์ได้ เพราะว่าเขามีจิตใจเป็นนักสู้ที่เต็มที่ ในการแข่งชนไก่นั้นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความแข็งแรง คือไก่มีจิตใจที่เป็นนักสู้ ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ถึงแม้ว่าเราจะเก่งขนาดไหนแต่ยังไงก็ต้องมีตัวที่เก่งกว่าเราได้ เกมส์กีฬามีการแพ้ชนะกันได้ เราอาจจะชนะตัวที่แล้วมาแต่วันนี้เราอาจจะแพ้กับอีกตัวก็ได้ แต่ถ้าไก่ที่เราซ้อมมามีความเก่งทุกอย่าง มีความพร้อมแข็งแรงสมบูรณ์ ตอนเปรียบก็สูสีไม่ได้เสียเปรียบ แต่พอถึงเวลาแข่งจริงเจอคู่ต่อสู้ตีเจ็บหน่อยก็เกิดอาการกลัว งอแงไม่อยากสู้ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้แบบง่ายๆ ไม่ยอมสู้ให้ถึงที่สุด ไก่ที่แพ้แบบนี้ไม่ควรนำมาทำพ่อพันธุ์เด็ดขาดควรทิ้งไปได้เลย เพราะจิตใจของเขาไม่ดีแล้วถึงแม้จะแข้งดีขนาดไหน ถ้าจิตใจของเขาไม่ดี ใจไม่สู้เข้าแล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้เขากลับมาสู้ได้อีก เมื่อใจของเขาไม่ยอมสู้ถอดใจง่าย โดนเจ็บๆมาหน่อยก็มีสะดุ้งกลัวหวาดระแวง ถ้าเรายังฝืนเอาเขาไปตี แรกๆเขาอาจจะตีอยู่แต่พอเจ็บตัวมากเข้าๆอาจจะวิ่งหนีไปเลยก็ได้ ไก่ที่มีลักษณะนิสัยจิตใจแบบนี้มันก็อาจจะสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้และส่งผลต่อไปถึงรุ่นลูกได้ ดังนั้นในการเลือกไก่ที่จะมาทำเป็นพ่อพันธุ์นั้นที่สำคัญต้องดูที่จิตใจของเขา เลือกที่เทือกเขาเหล่ากอที่มีจิตใจดี ถ้าตัวไหนที่มีเหล่ากอที่จิตใจไม่ดีถึงแม้จะเก่งขนาดไหนก็มีโอกาสแพ้ได้เสมอ แต่ถ้าตัวไหนที่ถึงแม้ว่าจะแพ้มาแต่ถ้าจิตใจเขาดีเป็นนักสู้ สู้จนนาทีสุดท้ายแบบนี้นำมาทำเป็นพ่อพันธุ์ได้เลย
คนที่จะเพาะพัฒนาไก่ก็คงจะคิดกันหนักว่าตลาดไก่ชนนั้นมีความนิยมแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างไก่สายพันธุ์ป่าก๋อย กับไก่สายพันธุ์พม่า เพื่อว่าหากเราพัฒนาไปแล้วจะได้ไม่ถึงทางตันหรือเสียเวลาในการพัฒนาที่มากเกินไป เพาะมาแล้วสามารถขายได้เร็วขายได้ดีกว่ากัน ลูกเพาะที่ได้มามีปริมาณของดีที่มากกว่า ก็มีข้อแนะนำส่วนตัวมาให้ทุกท่านได้ลองนำไปพิจารณากันดู ตลาดไก่ชนไม่ว่าจะเป็นไก่ป่าก๋อยหรือไก่พม่าก็มีความต้องการไม่แพ้กัน สามารถขายได้เหมือนๆกันขอแค่ไก่ของเรานั้นเก่ง -ไก่ชนพม่าถึงแม้ว่าเชิงชนไม่ดี ยืนโง่ๆแหงนๆยังไงก็ช่าง แต่ถ้ามีความขยัน แข้งคม แผลดี แบบนี้เขาก็เล่นกันแล้ว เอาความแข็งแรงเข้าแข่งมาแบบไหนก็เล่นได้หมด ถ้าเพาะออกมาแล้วก็จะขายง่ายในตลาดเมืองไทย -แต่ไก่ป่าก๋อยนั้นจะขาดคุณสมบัติอะไรไปไม่ได้เลย ทั้งชั้นเชิง ทั้งแข้งดี เชิงดีแต่แข้งไม่มาก็เล่นไม่ได้ แข้งดีแต่เชิงไม่ดีก็เล่นไม่ได้ ไก่ป่าก๋อยนั้นต้องครบเครื่องจริงๆไม่ว่าจะเป็นชั้นเชิงหรือแผลตี แผลตีตรงไหนก็ตรงนั้นไป ด้วยแบบนี้มันถึงทำให้ไก่ป่าก๋อยมีราคาที่สูงกว่าไก่พม่า เพราะไก่ป่าก๋อยมันเพาะออกมายากบางครั้งคอกหนึ่งอาจจะได้ดีแค่ตัวเดียว ที่เหลือเล่นไม่ได้เลย แต่ก็ยังได้รับความนิยมกันอยู่กับตลาดบ้านเรา และไก่ป่าก๋อยก็มีตลาดต่างประเทศรองรับพวกไซส์ใหญ่ เช่น ทางอินโดฯ และทางจีนเขาก็ชอบเล่น และก็มีเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา เหล่านี้เขาก็นิยมเล่นป่าก๋อยกันอยู่ ถ้าอยากจะเพาะกันจริงกับตลาดบ้านเราก็เพาะไก่ชนพม่าจะขายได้ง่ายกว่า ถ้าเป็นสายป่าก๋อยนั้นถ้าฝีมือไม่ดีจริงก็เป็นเรื่องยากที่ไก่ของเราจะครบเครื่องจริงๆ แต่ถ้าหากว่าเราเพาะได้และเก่งจริงยังไงก็มีคนสนใจกันแน่นอน แต่เริ่มต้นก็แนะนำให้เพาะไก่พม่ากันก่อน ปริมาณตัวเล่นได้มีเยอะ ขายได้ง่าย จะได้ไม่เสียเวลามากถ้าเรายังไม่เก่งจริงไม่เจ๋งจริงก็อย่าพึ่งเพาะป่าก๋อย ขนาดเซียนหลายๆท่านที่เล่นไก่มานานหลายปีก็ยังพัฒนาในแบบที่ต้องการไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเพาะได้เลย ก็มีอยู่เหมือนกันที่คนเพาะป่าก๋อยแล้วประสบความสำเร็จ ก็ฝากไว้เป็นแนวทางสำหรับท่านใดที่กำลังเลือกว่าจะเพาะพัฒนาสายพันธุ์ใด […]